ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน อย่างเช่นภาษาไทย ที่นับวันจะเห็นว่ามันเปลี่ยนไปเยอะมาก คนในยุคนี้ โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่น ใช้คำศัพท์ที่ผิด และมักจะเขียนผิดอยู่เสมอ ทำให้เข้าใจได้ยาก อย่างที่เรามักจะเรียกคำเหล่านี้ว่า ศัพท์วัยรุ่น นั่นเอง เพราะจะมีแต่กลุ่มวัยรุ่นเท่านั้น ที่มักจะใช้คำเหล่านี้ ถ้าเอามาใช้พูดกับเพื่อนฝูงเล่นๆ มันก็ไม่เสียหายอะไรมาก แต่เมื่อเอามาใช้กับทางการ ที่ต้องเน้นความถูกต้อง เด็กกลุ่มนี้ก็ไม่สามารถเลือกใช้คำได้ถูกต้อง
อย่างคำศัพท์ที่เรามักจะเห็นกันบ่อยๆ ในปัจจุบันก็มี เตง,ตะเอง (ตัวเอง),ค้ะ , คร๊ , คร้ะ , ค่า (ค่ะ),ป่าว , ป่ะ, ปล่าว (เปล่า),เทอ,เทอร์ (เธอ) เป็นต้น ทำให้ภาษาไทยวิบัติไปหมด บางคนที่เคยใช้คำเหล่านี้จนชิน จึงมักจะเผลอเวลาที่ต้องคุยอะไรที่มันเป็นทางการ หรือทำงานส่งราชการก็ตาม อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เลย ถ้าไม่สามารถใช้ภาษาได้ถูกต้อง แล้วปัญหาเหล่านี้มันมาจากไหน
อินเตอร์เน็ต
สื่อโซเชียลต่างๆ ถือว่าเป็นสื่อหลักที่ทำให้เกิดภาษาเหล่านี้เลยก็ว่าได้ อย่างเช่นการสนทนากัน ในโลกออนไลน์ คนส่วนใหญ่จะเน้นการพิมพ์ที่มันรวดเร็ว และสั้นที่สุก ขี้เกียจพิมพ์ข้อความที่มันยาว จึงมักจะใช้คำง่ายๆ ไปและเมื่อใช้คำเหล่านี้นานวันเข้า มันก็จะเกิดเป็นนิสัยความเคยชิน และพอถึงเวลาใช้จริง จึงมักเขียนผิดอยู่เสมอ
สื่อบันเทิง
อย่างเช่นเพลงที่เราเห็นกันบ่อยๆ ที่มักจะใช้คำ ผิด อย่างเพลงเจ็บจุงเบย หน่องเตย เป็นต้น ซึ่งความเป็นจริงมันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายมาก แต่สำหรับบางคนหรือเด็กบางกลุ่ม ก็เอาการเปลี่ยนคำเหล่านั้น มาใช้กับคำใหม่ๆ ทำให้เราเห็นคำศัพท์ของวัยรุ่นเยอะแยะไปหมด และบางคำมันก็ยากเกินกว่าที่จะเข้าใจ ว่ามันหมายความว่าอย่างไร เพราะมันเพี้ยนจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย
ความผิดพลาด
ในการพิมพ์ในแป้นพิมพ์คีย์บอร์ด มักจะมีตัวอักษรที่มันติดกัน เวลาที่พิมพ์เร็วๆ มันจึงมักจะเกิดคามผิดพลาดขึ้น อย่างเช่นคำว่า เบย (เลย) เป็นต้นและเมื่อใช้ผิดแล้วไม่แก้ ก็ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น จนมันเกิดเป็นความฮิตและใช้กันแพร่หลายมากขึ้นน เราจึงเห็นคำเหล่านี้เยอะมาก และก็มีเยอะขึ้นทุกวันด้วย คนที่เล่นโซเชียลเป็นประจำ คงจะเคยเห็นคำศัพท์ที่วัยรุ่นคุยกันเอง จะเห็นว่ามันอ่านยากมากๆ
คนที่ไม่เคยอ่านมาก่อนรับรองเลยว่า ไม่มีทางอ่านเข้าใจแน่นอน เพราะมันมีการแปลงทุกคำที่เขียน ยากที่จะเข้าใจ จนบางคนเผลอเอาคำเหล่านั้น มาเขียนในเวลาเรียน หรือการสอบ ทำให้ความผิดพลาดมันเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีการแก้ไขปัญหาในจุดนี้ นับวันมันต้องยิ่งแย่กว่าเดิมแน่นอน และเราอาจจะไม่ได้เห็นภาษาไทยที่มันถูกต้องงจริงๆ อีกต่อไป
สำคัญทีสุดคือในห้องเรียน ครูบาอาจารย์จะต้องงมีการอบรม และให้เด็กเลือกใช้คำให้ถูกต้อง ว่าตอนไหนควารจะเลือกใช้คำอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ถ้าไม่เตือน เด็กก็จะใช้คำเหล่านั้นผิดต่อไป และก็จะเป็นนิสัยเคยชินไปเรื่อยๆ แก้ไม่หาย